แนะนำให้ทราบการแบ่งส่วนราชการ วทบ., หลักสูตรการฝึกอบรม, วิธีการเรียบการสอน, การวัดผลการฝึกอบรม และกรรมวิธีทางธุรการระหว่างการฝึกอบรม หลักสูตรหลักประจำ วทบ.
การเตรียมการ และเทคนิคการถกแถลงเป็นคณะ และการศึกษาเป็นคณะ, การเขียนรายงานผลการศึกษาเป็นคณะ, การแถลง/การนำเสนอผลการศึกษาเป็นคณะ, การนำเสนอเอกสารวิจัยส่วนบุคคล, และการแถลงผลจากการฝึกตามระเบียบและคำสั่งของ วทบ.
หลักการวิจัยเชิงยุทธศาสตร์ (ว.6100)
มุ่งเน้นการศึกษาภาคทฤษฎีเพื่อสร้างความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับหลักพื้นฐานการวิจัย แนวทางการวิจัยเชิงยุทธศาสตร์ และรูปแบบการเขียนโครงร่างการวิจัยและเอกสารวิจัยส่วนบุคคล รวมทั้งพัฒนาทักษะพื้นฐานที่จำเป็นสำหรับการพัฒนาโครงร่างการวิจัยและการจัดทำเอกสารวิจัยส่วนบุคคล ประกอบด้วย 3 วิชา
ว.6101 หลักพื้นฐานการวิจัย : เนื้อหาของวิชานี้ประกอบด้วย ความรู้เกี่ยวกับหลักพื้นฐานด้านการวิจัย กระบวนการวิจัย การออกแบบการวิจัย และจริยธรรมการวิจัย
ว.6102 การวิจัยเชิงยุทธศาสตร์ : เนื้อหาของวิชานี้ประกอบด้วย กรอบการคิดเชิงยุทธศาสตร์ รูปแบบและขั้นตอนการวิจัยเชิงยุทธศาสตร์ การกำหนดปัญหาการวิจัยเชิงยุทธศาสตร์ และการออกแบบการวิจัยเชิงยุทธศาสตร์
ว.6103 รูปแบบการเขียนโครงร่างการวิจัยและเอกสารวิจัยส่วนบุคคล : เนื้อหาของวิชานี้ประกอบด้วย รูปแบบการเขียนโครงร่างการวิจัยเชิงยุทธศาสตร์ รูปแบบการเขียนเอกสารวิจัยส่วนบุคคล และฝึกปฏิบัติการออกแบบการวิจัย
ขอบเขตของรายวิชา
- บทสนทนาภาษาอังกฤษ (เพื่อการดำรงชีวิตการปฏิบัติงาน และการศึกษาสภาวะแวดล้อม ทางยุทธศาสตร์ และดูงานต่างประเทศ)
- หลักไวยกรณ์ภาษาอังกฤษ
- ภาษาอังกฤษสำหรับการทดสอบพื้นฐานความรู้ภาษาอังกฤษ ARELT (Royal Thai Army English Language Test) หรือข้อสอบที่ ศภษ.ยศ.ทบ. กำหนด
ขอบเขตเนื้อหา
1.แนวคิดทฤษฎีเกี่ยวกับผู้นำ
2.ความแตกต่างระหว่างผู้บริหารกับผู้นำและผู้นำยุทธศาสตร์
3.ความสัมพันธ์ระหว่างองค์กรกับภาวะผู้นำและกระบวนทัศน์ของผู้นำในการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นในองค์กร
4.หลักการการประยุกต์ใช้ และเครื่องมือช่วยในการเป็นผู้นำ
5. ตัวอย่างของผู้นำในอดีตที่มีภาวะผู้นำในการจัดการภาวะวิกฤต
เอกสารประกอบ
1. หนังสือ ผู้นำกองทัพบก Army Leadership
2. หนังสือ ภาวะผู้นำเชิงกลยุทธ์
3. หนังสือ ภาวะผู้นำ 5 ระดับ
ความมุ่งหมาย
-
เพื่อให้นักศึกษามีความรู้ ความเข้าใจ ขั้นตอน และกระบวนการในการใช้ระบบการวางแผนต่อสู้เพื่อป้องกันประเทศ และการจัดทำรายละเอียดของเอกสารที่เกี่ยวข้อง
ขอบเขตการศึกษา
- ศึกษาการจัดทำแผนขีด ความสามารถทาง ยุทธศาสตร์ร่วม (Joint Strategic Capabilities Plan) (JSCP)
- ศึกษาการจัดทำ หลักนิยม และการ จัดทำงบประมาณ ของกระทรวงกลาโหม
- การวิเคราะห์ การจัดทำแผนขีด ความสามารถทาง ยุทธศาสตร์ร่วม (Joint Strategic Capabilities Plan) (JSCP)
ประกอบด้วย 2 รายวิชา
ยศ. 3401 การจัดทำแผนขีดความสามารถทางยุทธศาสตร์ร่วม (Joint Strategic Capabilities Plan)
ยศ. 3402 วิเคราะห์การจัดทำแผนขีดความสามารถทางยุทธศาสตร์ร่วม (Joint Strategic Capabilities Plan)
รายวิชาย่อย ยศ.2100
ยศ.2101 วิชา ความมั่นคงแห่งชาติ
ยศ.2102 วิชา พลังอำนาจแห่งชาติ
ยศ.2103 วิชา หลักพื้นฐานด้านยุทธศาสตร์และยุทธศาสตร์ชาติ
ขอบเขตการศึกษา
- แนวคิดพื้นฐานเกี่ยวกับรัฐชาติ
- องค์ประกอบและมิติของความมั่นคงแห่งชาติ
- ความสัมพันธ์ระหว่างพลังอำนาจแห่งชาติกับความมั่นคง
- ลักษณะของภัยคุกคามและความท้าทายร่วมสมัยที่ประเทศไทยเผชิญ
เอกสารอ้างอิง (References)
- ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี พ.ศ. 2561 -2580
- นโยบายความมั่นคงแห่งชาติ
- คู่มือยุทธศาสตร์กองทัพบก, ศพย.ยศ.ทบ.
- National Security Policy and Strategy, US Army War College
ความมุ่งหมาย
- มีรู้และความเข้าใจในแนวคิดพื้นฐานด้านความมั่นคงและยุทธศาสตร์ ที่เกี่ยวข้องกับบริบทของประเทศไทย
- สามารถวิเคราะห์สภาพแวดล้อมด้านความมั่นคงและยุทธศาสตร์ ที่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของชาติ ทั้งในระดับภายในและภายนอกประเทศ
- ตระหนักถึงปัญหาและอุปสรรคในการปฏิบัติตามแผนระดับ 1, 2 และ 3 และสามารถเชื่อมโยงไปสู่ข้อเสนอแนะเชิงนโยบายและการบริหารจัดการที่เหมาะสม
ขอบเขตการศึกษา
- ศึกษากระบวนการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติ และแผนปฏิบัติการด้านการพัฒนาศักยภาพของประเทศด้านความมั่นคงของกระทรวงกลาโหม
ประกอบด้วย 2 รายวิชา
ยศ. 3201 กระบวนการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติ
ยศ. 3202 กระบวนการจัดทำแผนปฏิบัติการด้านการพัฒนาศักยภาพของประเทศด้านความมั่นคงของกระทรวงกลาโหม
ประกอบด้วย 3 วิชาย่อย
ยศ.2201 ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ (International Relation)
ยศ.2202 ภูมิรัฐศาสตร์ยุคใหม่ (Neo politics)
ยศ.2203 อิทธิพลของมหาอำนาจ (Super Power)
ความมุ่งหมาย เพื่อให้
1.1 เพื่อให้ผู้ศึกษารู้และเข้าใจแนวคิดเรื่อง “ความมั่นคงแห่งชาติ” และการเมืองในบริบทสมัยใหม่ ตลอดจนพลวัตของภัยคุกคามที่เปลี่ยนแปลงไป
1.2 เพื่อให้ผู้ศึกษาเข้าใจกรอบโครงสร้างนโยบายความมั่นคงแห่งชาติของสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) และบทบาทในการกำหนดทิศทางด้านความมั่นคงของประเทศ
1.3 เพื่อให้ผู้ศึกษาตระหนักถึงความสัมพันธ์ระหว่างการเมืองกับการจัดลำดับภัยคุกคามและการตัดสินใจเชิงนโยบายที่มีผลต่อความมั่นคงของรัฐ
1.4 เพื่อให้ผู้ศึกษาเข้าใจความเชื่อมโยงระหว่างนโยบายความมั่นคงกับยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี และการบูรณาการเชิงนโยบายในระดับมหภาค
1.5 เพื่อให้ผู้ศึกษาสามารถวิเคราะห์กรอบกลไกความมั่นคงแห่งรัฐ ในมิติการเมือง การปกครอง และการบริหารเชิงยุทธศาสตร์
2. ขอบเขตการศึกษา
2.1 ศึกษาแนวคิดเรื่อง “ความมั่นคงแห่งชาติ” ในมิติการเมือง เศรษฐกิจ สังคม และเทคโนโลยี ภายใต้บริบทสมัยใหม่
2.2 วิเคราะห์กรอบโครงสร้างนโยบายความมั่นคงแห่งชาติของ สมช. รวมถึงบทบาทหน้าที่และกลไกการดำเนินงาน
2.3 ศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างการเมืองกับการจัดลำดับภัยคุกคาม และการตัดสินใจเชิงนโยบายในสถานการณ์จริง
2.4 พิจารณาความเชื่อมโยงระหว่างนโยบายความมั่นคงกับยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี เพื่อประเมินทิศทางการพัฒนาประเทศในระยะยาว
2.5 ศึกษาและวิเคราะห์กรอบกลไกความมั่นคงแห่งรัฐ ในการจัดการภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงแบบองค์รวมความมุ่งหมาย
- เพื่อให้ผู้เข้ารับศึกษารู้และเข้าใจทฤษฎีความสัมพันธ์ระหว่างประเทศในฐานะกรอบแนวคิดสำคัญ
- เพื่อให้ผู้เข้ารับศึกษาทราบถึงความสอดคล้องและความเชื่อมโยงขององค์กรระหว่างประเทศและบทบาทต่อระบบโลก
- เพื่อให้ผู้เข้ารับการศึกษาเข้าใจกระบวนการทางการทูตในยุคดิจิทัลรวมถึงแนวโน้มและความท้าทายที่เกิดขึ้น
ขอบเขตการศึกษา
- ศึกษาและทำความเข้าใจทฤษฎีความสัมพันธ์ระหว่างประเทศเพื่อใช้เป็นกรอบแนวคิดในการวิเคราะห์
- ทำความเข้าใจถึงความสอดคล้องและความเชื่อมโยงขององค์กรระหว่างประเทศทั้งในเชิงโครงสร้างและบทบาทหน้าที่
- วิเคราะห์และทำความเข้าใจกระบวนการทางการฑูตในยุคดิจิทัล โดยมุ่งเน้นที่กลไก วิธีการ และความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นภายใต้สภาพแวดล้อมดิจิทัล
เพื่อศึกษาโครงสร้างรัฐไทยอำนาจและหน้าที่ของแต่ละฝ่ายเพื่อทำความเข้าใจบทบาทเชิงโครงสร้างของรัฐ วิเคราะห์พัฒนาการและโครงสร้างของระบบการเมืองไทย ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ศึกษาสถาบันหลักทางการเมืองและอำนาจรัฐ ในการกำหนดทิศทางและนโยบายของประเทศ พิจารณาความสัมพันธ์ระหว่างการเมืองไทยกับความมั่นคงภายในและชายแดน วิเคราะห์แนวโน้มและลักษณะของการเมืองอำนาจนิยมในสังคมไทย ศึกษาปัญหาความแตกแยกทางการเมือง และผลกระทบต่อเสถียรภาพและความมั่นคงของรัฐ ทำความเข้าใจ Civil–Military Relations และบทบาทของกองทัพในระบบการเมืองไทย และศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างการเมืองในประเทศกับการเมืองระหว่างประเทศ เพื่อวิเคราะห์ผลกระทบเชิงโครงสร้างและเชิงยุทธศาสตร์
1. ความมุ่งหมาย เพื่อให้
1.1 เพื่อให้ผู้ศึกษารู้และเข้าใจกลไกการถ่วงดุลอำนาจและความท้าทายในระบบรัฐธรรมนูญ ของไทยในมิติต่าง ๆ
1.2 เพื่อให้ผู้ศึกษาเข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างทหารกับรัฐบาลในบริบทประชาธิปไตย และผลกระทบต่อเสถียรภาพทางการเมือง
1.3 เพื่อให้ผู้ศึกษาตระหนักถึงบทบาทขององค์กรอิสระและการใช้อำนาจพิเศษ ในการตรวจสอบและกำกับดูแลการเมืองการปกครอง
1.4 เพื่อให้ผู้ศึกษาเข้าใจกระบวนการกำหนดนโยบายสาธารณะในระบบรัฐไทย และการเชื่อมโยงกับการบริหารราชการแผ่นดิน
1.5 เพื่อให้ผู้ศึกษาวิเคราะห์ความสัมพันธ์เชิงอำนาจระหว่างราชการ ทหาร และนักการเมือง รวมถึงพลวัตของการเมืองไทยร่วมสมัย
1.6 เพื่อให้ผู้ศึกษาเข้าใจการบริหารยุทธศาสตร์ชาติและการบูรณาการกับนโยบายด้านความมั่นคง ในระดับชาติและภูมิภาค
2. ขอบเขตการศึกษา
2.1 ศึกษากลไกการถ่วงดุลอำนาจและความท้าทายในระบบรัฐธรรมนูญ ของไทย พร้อมการเปรียบเทียบกับแนวคิดสากล
2.2 วิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างทหารกับรัฐบาลในบริบทประชาธิปไตย ทั้งในเชิงโครงสร้างและเชิงปฏิบัติ
2.3 ศึกษาองค์กรอิสระกับการใช้อำนาจพิเศษ ในการคุ้มครองหรือกำกับกระบวนการทางการเมือง
2.4 ทำความเข้าใจกระบวนการนโยบายสาธารณะในระบบรัฐไทย ตั้งแต่การกำหนดวาระ การจัดทำ ไปจนถึงการประเมินผล
2.5 วิเคราะห์ความสัมพันธ์เชิงอำนาจระหว่างราชการ ทหาร และนักการเมือง เพื่อประเมินพลวัตของอำนาจรัฐ
2.6 ศึกษาการบริหารยุทธศาสตร์ชาติและการบูรณาการกับนโยบายด้านความมั่นคง เพื่อนำไปสู่การวิเคราะห์เชิงยุทธศาสตร์และข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย
คำอธิบายรายวิชา
เพื่อให้นักศึกษามีความรู้ ความเข้าใจการฝึกการจัดทำยุทธศาสตร์ป้องกันประเทศ (NDS) ยุทธศาสตร์ทหาร (NMS) การใช้ระบบการวางแผน โครงการ และงบประมาณ (PPBS) การจัดทำแผนขีดความสามารถทางยุทธศาสตร์ร่วม (JSCP) และหลักนิยม" โดย มุ่งเน้นการสร้างนักยุทธศาสตร์ที่สามารถจัดทำยุทธศาสตร์ป้องกันประเทศ (NDS) และยุทธศาสตร์ทหาร (NMS) โดยใช้เครื่องมือบริหารจัดการทรัพยากรอย่างเป็นระบบผ่าน PPBS เพื่อเชื่อมโยงการวางแผนกับงบประมาณ พร้อมทั้งฝึกฝนการจัดทำแผนขีดความสามารถทางยุทธศาสตร์ร่วม (JSCP) เพื่อให้เกิดการประสานงานของกำลังพล ทั้งหมดนี้อยู่บนรากฐานของหลักนิยม เพื่อเป็นแนวทางปฏิบัติที่ชัดเจนและมีประสิทธิภาพสูงสุดในการป้องกันประเทศ
ขอบเขตการเรียนการสอน
- การฝึกการจัดทำยุทธศาสตร์ป้องกันประเทศ (NDS)
- ยุทธศาสตร์ทหาร (NMS)
- การใช้ระบบการวางแผน โครงการและงบประมาณ (PPBS)
- การจัดทำแผนขีดความสามารถทางยุทธศาสตร์ร่วม (JSCP)
- หลักนิยม
ความมุ่งหมาย
- มีรู้และความเข้าใจในแนวคิดพื้นฐานด้านความมั่นคงและยุทธศาสตร์ ที่เกี่ยวข้องกับบริบทของประเทศไทย
- สามารถวิเคราะห์สภาพแวดล้อมด้านความมั่นคงและยุทธศาสตร์ ที่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของชาติ ทั้งในระดับภายในและภายนอกประเทศ
- ตระหนักถึงปัญหาและอุปสรรคในการปฏิบัติตามแผนระดับ 1, 2 และ 3 และสามารถเชื่อมโยงไปสู่ข้อเสนอแนะเชิงนโยบายและการบริหารจัดการที่เหมาะสม
ขอบเขตการศึกษา
- ศึกษาแนวคิดและหลักการพื้นฐานของการวิเคราะห์ความมั่นคงและยุทธศาสตร์
- วิเคราะห์สภาพแวดล้อมด้านความมั่นคงและยุทธศาสตร์ที่มีผลกระทบกับประเทศไทย ทั้งปัจจัยภายในประเทศ ภูมิภาค และระดับโลก
- ศึกษาและประเมินปัญหาและอุปสรรคในการปฏิบัติตามแผนระดับ 1, 2 และ 3 พร้อมทั้งข้อจำกัดในการนำไปสู่การปฏิบัติจริง
- พิจารณาแนวทางการปรับปรุงและพัฒนายุทธศาสตร์ด้านความมั่นคง ให้สอดคล้องกับพลวัตของภัยคุกคามและสภาพแวดล้อมยุทธศาสตร์ที่เปลี่ยนแปลงไป
ความมุ่งหมาย
- เพื่อให้ผู้ศึกษารู้และเข้าใจบทบาทของมหาอำนาจในด้านต่างๆพร้อมทั้งทฤษฎีที่เกี่ยวข้องในการอธิบายความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
- เพื่อให้ผู้ศึกษาตระหนักถึงอิทธิพลของมหาอำนาจที่ส่งผลต่อโครงสร้างเศรษฐกิจ การเมือง ความมั่นคง และสังคมโลก
- เพื่อให้ผู้ศึกษาสามารถวิเคราะห์กรณีศึกษาสถานการณ์จริงที่เกิดขึ้นในปัจจุบันและเชื่อมโยงกับแนวคิดเชิงทฤษฎีและผลกระทบต่อภูมิรัฐศาสตร์
ขอบเขตการศึกษา
- ศึกษาและทำความเข้าใจบทบาทและมิติของมหาอำนาจในด้านต่างๆ เช่น การเมือง,การทหารเศรษฐกิจ,เทคโนโลยีและวัฒนธรรม พร้อมทั้งทฤษฎีที่เกี่ยวข้องในการอธิบายพฤติกรรมของรัฐมหาอำนาจ
- วิเคราะห์อิทธิพลของมหาอำนาจต่อภูมิภาคและระดับโลกโดยพิจารณาถึงกลไกวิธีการและยุทธศาสตร์ที่ใช้สร้างอำนาจต่อรองและอิทธิพลเชิงโครงสร้าง
- ศึกษาและอภิปรายกรณีศึกษาสถานการณ์จริงที่เกิดขึ้นในปัจจุบันเพื่อนำมาประยุกต์ใช้ในการวิเคราะห์เชิงยุทธศาสตร์และการทำความเข้าใจพลวัตของความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
ความมุ่งหมาย
- เพื่อให้ผู้ศึกษารู้และเข้าใจแนวคิดภูมิรัฐศาสตร์ยุคใหม่ทั้งในมิติทฤษฎีและการปรับใช้กับบริบทโลกปัจจุบัน
- เพื่อให้ผู้ศึกษาเข้าใจการประยุกต์ใช้ภูมิรัฐศาสตร์กับโลกยุคใหม่โดยเฉพาะด้านAI,ความมั่นคงไซเบอร์และเทคโนโลยีสมัยใหม่ที่ส่งผล กระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศและความมั่นคง
- เพื่อให้ผู้ศึกษาสามารถวิเคราะห์และตีความกรณีศึกษาสถานการณ์จริงที่เกิดขึ้นในปัจจุบันเพื่อนำไปใช้เป็นบทเรียนและแนวทางเชิงยุทธศาสตร์
ขอบเขตการศึกษา
- ศึกษาและทำความเข้าใจแนวคิดภูมิรัฐศาสตร์ยุคใหม่รวมถึงพัฒนาการจากภูมิรัฐศาสตร์แบบดั้งเดิมสู่การตีความในบริบทโลกปัจจุบัน
- วิเคราะห์การประยุกต์ใช้ภูมิรัฐศาสตร์กับโลกยุคใหม่โดยเฉพาะในมิติของปัญญาประดิษฐ์,ความมั่นคงไซเบอร์และเทคโนโลยีสมัยใหม่ที่มีผลกระทบต่อความมั่นคงระหว่างประเทศ
- ศึกษาและอภิปรายกรณีศึกษาสถานการณ์จริงที่เกิดขึ้นในปัจจุบันเพื่อสร้างความเข้าใจเชิงปฏิบัติและการประยุกต์ใช้ทฤษฎีในการวิเคราะห์สภาพแวดล้อมทางยุทธศาสตร์